วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

5 วิธีช่วยให้ชีวิตของเรา ไม่หลุดจากโฟกัสเป้าหมาย


สาเหตุของความล้มเหลวอันดับแรกๆ คือการมีจิตที่วอกแวก หรือการที่คุณไม่มีสมาธิ จดจ่อในเรื่องนั้นๆ
ผมกำลังพูดถึงเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยต่อความสำเร็จสัมฤทธ์ผลในเรื่องต่างๆ นั่นคือ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ "Focus" สำคัญมาก

Focus คืออะไร

Focus คือการเพ่งเล็ง การมีสมาธิจดจ่อ และให้ความสำคัญ อยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นการเบนเข็มทิศกำหนดทางไปยังจุดที่เราต้องการเพียงจุดเดียว

ในขณะเดียวกัน เราต้องทำความเข้าใจ เกี่ยวกับพลังของการ Focus ด้วย เพราะการ Focus ก็หมายถึง การถ่ายเทพลังงานทั้งหมดไปยังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อหวังผลให้สิ่งนั้นสำเร็จผลได้เร็วขึ้น

สมัยเด็กๆคุณอาจเคยเอาแว่นขยายไปส่องกระดาษที่กลางแดดจ้า เพื่อให้มันรวมแสง จนเกิดเป็นความร้อน จนสามารถเผากระดาษได้ นั้นแหละครับ คือพลังของการโฟกัส เพราะการโฟกัสคือการรวมเอาพลัง งานที่กระจัดกระจายอยู่ มารวมไว้จุดใดจุดหนึ่ง เพื่อหวังผลสัมฤทธ์ในบางอย่าง

ผมยกตัวอย่างเช่น เวลาคุณแอบรักใครสักคนมากๆ คุณจะคิดถึงแต่เค้า หายใจเข้าออกเป็นเค้า คุณจะจำหน้าเค้าได้ชัดมาก และสมองจะสั่งการให้คุณทำทุกอย่าง หรือหาทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้เค้ามาครอบครอง นั่นเป็นเพราะคุณสั่งจิตใต้สำนึก ให้ถ่ายพลังทั้งหมดไปที่นั้น และคุณสังเกตได้เลยว่า มากกว่า 99% มันจะสำเร็จผล

ตัวอย่างในทางตรงกันข้าม เมื่อคุณแอบมีแฟน (หรือกิ๊ก) อยู่หลายคน พลังงานคุณจะถูกกระจายออกไปตามจำนวนแฟนของคุณ และคุณจะไม่สามารถควบคุมมันได้ 100% เพราะว่าปลายทางที่เค้ารับพลังงานความรักจากคุณ เค้าสัมผัสได้ ว่ามันไม่ได้มาแบบ 100% มันไม่ได้โฟกัสมาที่เค้าคนเดียว

ในเรื่องความมั่งคั่งและความสำเร็จก็เช่นกัน เมื่อคุณตั้งเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว หากคุณไม่โฟกัสเป้าหมายของคุณ ก็ยากที่เป้าหมายนั้นจะประสบความสำเร็จ

5 วิธีช่วยให้ชีวิตของเรา ไม่หลุดจากโฟกัสเป้าหมาย

1.คุณต้องทำ To do list ที่มีประสิทธิภาพ

การวางแผนงานรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ที่เราเรียกว่า To do list จะเป็นไกด์ไลน์ให้เรารู้ว่า วันไหน เราต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้เราสามารถเห็นภาพกว้างของวิธีการที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น หลายคนเคยทำ To do list แล้วมันไม่เวิร์ค ให้เราวิเคราะห์ได้เลยว่า สาเหตุมาจากแค่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือ To do list ที่เราเขียนของเราขึ้นมา มีประสิทธิภาพหรือไม่ เป้าหมายที่ดี ต้องมีระยะเวลากำหนด To do list ก็เช่นกัน และมันจะต้องบอกเหตุจูงใจให้ได้ว่า สิ่งนั้น ทำไปเพื่ออะไร เช่น ถ้าคุณทำโฟกัสเรื่องนี้ จนมันสำเร็จ ชีวิตคุณจะพัฒนาไปยังไง ดีขึ้นแค่ไหน และมันให้อะไรกับคุณบ้าง สาเหตุที่ 2 ถ้า To do list ของคุณ มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว แสดงว่า ต้องเป็นที่ตัวคุณเองแล้วหละ ที่ไม่มีประสิทธิภาพ คงไม่ต้องบอกวิธีแก้นะครับ

2. Do it Now

การลงมือทำ คือบิดาแห่งความสำเร็จทั้งปวง หลายคนคงเคยได้ยิน และก็คงเคยได้ยินคำว่า "กุญแจของความสำเร็จ อยู่ที่การลงมือทำ" ผมก็จะเสริมอีกนิดนึงว่า มันคงไม่สำเร็จถ้าคุณไม่เริ่มเอากุญแจนั้น ไปไขสักที คือคุณไม่เริ่มลงมือทำสักที To do list จะกลายเป็นเพียงเศษกระดาษที่ไร้ค่า ถ้าคุณไม่นำมันไปปฎิบัติ ไม่ต้องรอให้โอกาส หรือสถานการณ์ หรือความช่วยเหลืออะไร มาเป็นตัวบ่งบอกให้คุณลงมือทำ ทำทันที ทำไปเลย เมื่อมันเริ่มนับหนึ่ง มันถึงจะมีโอกาสไปถึงร้อย แต่ถ้าคุณไม่เริ่ม มันก็จะอยู่ที่ศูนย์ ไม่ไปไหน "จงตัดสินใจ ทำทันที"

3.ตัดสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเป้าหมายออก

ธรรมชาติของมนุษย์มีความสนใจ ใคร่รู้กับสิ่งรอบตัว สิ่งแวดล้อมมากมาย เป็นเรื่องง่ายที่เราจะถูกสิ่งต่างๆ ดึงดูดความสนใจ เราเคยสังเกตมั้ยครับ ว่าทำไมเวลาที่เราดูหนังในโรงภาพยนตร์ จึงดูรู้เรื่อง และสนุกกว่าหา DVD มาดูที่บ้าน นั้นไม่ใช่เพราะความใหญ่ของจอ หรือความกระหึมของระบบเสียงเพียงอย่างเดียว แต่คุณจะถูกสิ่งต่างๆ ดึงดูด เบนความสนใจคุณออกจากหนังที่คุณดูอยู่ตลอดเวลา เช่น เวลาคนเดินผ่าน หรือกลิ่นอาหารที่ลอยมาจากในครัว หรือเสียงรถมอเตอร์ไซด์ เป้าหมายของเราก็เช่นกัน ถ้าคุณต้องการเห็นผลสำเร็จอย่างรวดเร็ม คุณต้องโฟกัสเฉพาะมันเพียงอย่างเดียว และจงตัดสิ่งที่ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับเป้าหมายออกซะ อย่าให้มันมากวนใจ หรือดึงเราออกจากเป้าหมาย จงจำไว้อย่างนึงว่า คุณเสียเวลามามากพอแล้ว "จงใช้ทุกวินาที กำหนดชีวิตของคุณ"

4.พาตัวเองไปอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อความสำเร็จอยู่เสมอ

ประสาทสัมผัสทั้ง 5 รูป รส กลิ่น เสียง เป็นเหมือนแรงส่งให้เรากลายเป็นคนที่มีลักษณะเดียวกันกับสภาวะแวดล้อม นั้นๆ มีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เมื่อนำผู้ชายสองคน ที่มีฐานะไกล้เคียงกัน ไปอยู่ต่างที่กัน ชายคนหนึ่งไปอยู่ในสลัม ชายอีกคนไปอยู่ในหมู่บ้านคนรวย ใช้เวลาใช้ชีวิตอยู่เพียงแค่ปีเดียว ผลลัพธ์ก็คือ ชายคนหนึ่งที่ไปอยู่ในสลัม กลับจนลงมากกว่าเดิม โดยมีสาเหตุต่างๆ มากมาย ในขณะที่ชายอีกคน ที่อยู่ท่ามกลางคนรวย กลับมีชีวิตที่รวยขึ้นๆ ทั้งหมดนี้ เค้าให้เหตุผลว่า สภาวะแวดล้อมมีอิทธิพลต่อการเหนี่ยมนำทางความคิด ทัศนะคติ ซึ่งนั่นก็จะกลายเป็นวิธีทำ พูดง่ายๆ ก็คือ คิดอย่างไร พูดแบบไหน ก็ลงมือทำแบบนั้น เพราะฉะนั้นจงพาตนเองไปอยู่ในจุดที่เอื้อต่อความสำเร็จในเป้าหมายตัวเอง เช่น ถ้าอยากลดความอ้วน ให้พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ ที่มีแต่คนหุ่นดีๆ เช่น ฟิตเนส หรือห้องโยคะ ไม่ใช่ร้านบุฟเฟต์ หรือร้านเค้ก

5.วัดผลทุกคืนก่อนนอน

สิ่งสำคัญที่สุด ที่จะทำให้คุณยังอยู่ในเป้าหมาย ไม่หลุดโฟกัส นั่นคือการวัดผลทุกวัน การวัดผล เป็นโอกาสเดียวที่คุณจะได้กลับมาคุยกับตัวเองมากขึ้น ได้ตั้งคำถามและตอบคำถามตัวเอง ว่าวันนี้เราทำอะไรสำเร็จบ้าง, อะไรที่มันยังไม่สำเร็จ, พรุ่งนี้จะทำอะไรต่อ, และทั้งหมดในวันนี้ พาเราไปสู่เป้าหมายหรือไม่

จำไว้นะครับ Focus is Power โฟกัสคือพลัง ยิ่งโฟกัสมากเท่าไหร่ นั้นคือคุณกำลังใส่พลังกับสิ่งนั้น มากขึ้นเท่านั้น



ติดตามต่อ ในโพสหน้าครับ


+++++++++++++++++++++++++++++++

Training in the Car สัมมนาในรถ
กับหนังสือเสียง (Audio Books)
"สำเร็จได้ แค่เป้าหมายชัด"
โดย โค้ชเจมส์ ยุทธศิลป์ ทิวะทรัพย์



สนใจสั่งซื้อหนังสือเสียง
โทร 084-086-4886 / 086-688-4747
ชำระเงินที่ กสิกร 613-2-24581-7
ชื่อบัญชี :: ยุทธศิลป์ ทิวะทรัพย์
พิเศษ ลด 10% จัดส่งฟรี
Line ID :: @coachjames

+++++++++++++++++++++++++++++++

โค้ชเจมส์ ยุทธศิลป์ ทิวะทรัพย์
https://www.facebook.com/coachjames7
Line :: @coachjames

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิธีดึงสุดยอดพลังที่ซ่อนอยู่ภายใน ด้วยเป้าหมายที่เร้าใจที่สุด


และจงตั้งเป้า ให้มันเร้าใจ
เพราะมันจะขุดเอาศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ของคุณออกมา

นี่เป็นประโยคสุดท้าย ที่ผมโพสไว้ในบทความตอนแล้ว (อ่านบทความตอนที่แล้ว)
เกี่ยวกับเรื่องของการตั้งเป้าหมาย

มีสิ่งหนึ่งที่คุณควรจะรู้ หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ
สิ่งนั้นคือ "มนุษย์มีศักยภาพในการทำได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้"
นี่คือเรื่องจริง และไม่ใช่แค่มนุษย์บางคน แต่เป็น "มนุษย์ทุกคน"

หลายครั้งเรามักจะมีข้ออ้างว่า

หรือ..ฉันคงสำเร็จเหมือนเค้าไม่ได้หรอก
หรือ..ก็เค้ามันเก่งนี่หน่า
หรือ..ฉันจะเอาปัญญาที่ไหน
หรือ..ฉันมันก็แค่เท่านี้
หรือ..เป็นไปไม่ได้สำหรับฉัน

ผมต้องการให้ทุกคนที่อ่านบทความนี้ จงเชื่อว่า
พระเจ้าสร้างคุณมาพร้อมพลังงานมหาศาล
ที่จะสามารถขับเคลื่อนทุกสิ่งให้เป็นไปได้

ไม่เช่นนั้น โลกใบนี้ คงไม่มีคนอย่าง
โรเบิร์ต ไอสไตล์, สองพี่น้องตระกลูไรท์, กาลิเลโอ, สตีฟ จ๊อบ, มาร์ค ซักเคอร์เบิกร์, ฯลฯ

บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นต้นกำเหนิดกับสิ่งที่สมัยก่อนเราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
จนวันนี้มันเป็นไปแล้ว

วันนี้ มนุษย์สร้างแสงสว่างเองได้ ไม่ต้องพึ่งธรรมชาติ
วันนี้ มนุษย์สามารถเดินทางบนอากาศได้,
วันนี้ มนุษย์สามารถไปเยี่ยมดาวดวงอื่นได้,
วันนี้ มนุษย์สามารถสื่อสารกันได้ เห็นหน้ากันได้ แม้อยู่คนละซีกโลก

ข่าวดีก็คือ คนที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา เค้าไม่ได้มีอะไรที่แปลกพิเศษไปจากมนุษย์ทั่วไป เค้าไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าเรา และคุณเชื่อมั้ย คุณเองก็สามารถทำแบบเค้าได้เช่นกัน (ยังไม่ต้องรีบเถียงผมในใจขนาดนั้น)

คุณออกมาจากท้องแม่ คุณไม่สามารถเดินได้ทันที
แต่เมื่อคุณโตขึ้น โตขึ้น คุณก็เดินได้ ใช่มั้ย

วันนี้คุณขับเครื่องบินไม่เป็น
แต่ถ้าผมให้เวลาคุณไปเรียนซักปีนึง คุณว่าคุณจะขับได้มั้ย

ผมกำลังบอกว่า อะไรก็ตามบนโลกใบนี้ แค่คุณใช้เวลากับมันมากพอ คุณสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้ เป็นจริงได้ คุณทำได้!!

ผมข้อย้ำชัดๆ คุณทำได้!!

สิ่งที่ผมต้องการแบ่งปันวันนี้คือ พอเราเรียนรู้ความจริงหนึ่งข้อ ว่าเราทำได้ทุกอย่าง และเมื่อเราทำได้ทุกอย่าง ทำไมเราต้องเลือกทำเพียงสิ่งเล็กๆ สิ่งที่มันไม่ได้สร้างผลลัพท์อะไรที่ยิ่งใหญ่กับชีวิต หรือสิ่งที่มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ฉะนั้นเราต้องตั้งเป้าหมายใหญ่เข้าไว้

ความเชื่อผิดๆ และคำพูดลบๆ ที่เราได้ยินบ่อยๆ เวลาที่คุณอยากสำเร็จในสิ่งที่มันดูยิ่งใหญ่คือ

"อย่าใฝ่สูง" "อย่าฝันเกินตัว" อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง" "ใฝ่สูง ตกลงมาจะเจ็บ" "อย่าโลภมาก" "คนรวยคือคนโลภ"

เราต้องแยกประเด็นให้ชัดนะครับ เพราะในบางครั้งคนที่พูดคำเหล่านี้ เค้าหวังดีกับคุณ หรือเค้าพูดเพื่อไม่ต้องการให้คุณลงมือทำ หรือเค้ากลัวคุณจะสำเร็จ หรือจะแซงหน้าเค้าหรือปล่าว
ความสำเร็จ ไม่ใช่ความเลวร้าย

เพราะความจริงอีกข้อนึงคือ คุณสามารถสำเร็จในทางที่ถูกต้อง และเป็นคนดีได้

คำถามคือ ทำไมต้องตั้งเป้าหมายใหญ่

มีกฏ 3 ข้อที่เราต้องรู้คือเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายใหญ่ และคนส่วนใหญ่ไม่รู้

กฏข้อที่ 1 เป้าหมายใหญ่ เหนื่อยน้อยกว่า
ทำไมมันดูขัดแย้งกันจัง เป้าหมายใหญ่ ต้องเหนื่อยมากขึ้นสิ แต่ถ้าเรามองลึกไปถึงเวลาลงมือทำ ถ้าคุณตั้งเป้าเล็กๆ ไม่นานคุณก็ต้องกลับมาตั้งเป้าใหม่ ทำไม วนเวียนไม่สิ้นสุด เหนื่อยหลายรอบ แต่ถ้าคุณตั้งเป้าใหญ่ไปเลย เบนเข็มทิศไปยังจุดๆ เดียว และถ่ายพลังทั้งหมดไปที่เป้าหมายนั้น เป้าหมายเดียว เหนื่อยไปเลยครั้งเดียว แต่ผลลัพธ์คุ้มค่า แบบนี้ไม่เสียเวลาเยอะ

กฏข้อที่ 2 คู่แข่งน้อย
เฮ้ย!! อย่าตั้งเป้าหมายใหญ่เกินตัว, อย่าเป็นคนใฝ่สูง
,...คุณรู้หรือไม่? ก็เพราะใครๆ ก็คิดแบบนี้ มันจึงเป็นโอกาสของคนที่คิดใหญ่ไงหละ เวลาคุณมองเป้าหมายใหญ่ คู่แข็งคุณจะน้อยลง เพราะมนุษย์ไม่ชอบความยาก คนส่วนใหญ่ชอบความง่าย สมการก็คือ เมื่อคู่แข่งคุณน้อยลง โอกาสชนะก็ง่ายขึ้น

กฏข้อที่ 3 เป้าหมายใหญ่ มันขุดศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมา

จำไว้เลยนะครับ เป้าหมายเล็ก มีโอกาสสำเร็จ น้อยกว่าเป้าหมายใหญ่ นี่คือสิ่งที่คนทั่วไปไม่รู้ เพราะยิ่งเป้าหมายเล็ก คุณจะไม่ค่อยใช้พลังกับมันซักเท่าไหร่ คุณจะไม่ค่อยโฟกัสมันเท่าไหร่ เรียกง่ายๆว่า มันจะไม่ค่อยมีความสำคัญกับคุณเท่าไหร่ คุณจะไม่ค่อยเห็นคุณค่ามัน นั่นแหละครับ คือสาเหตุที่จะทำให้คุณไม่สำเร็จ เพราะความประมาท บวกความขี้เกียจ
ในทางตรงกันข้าม เมื่อไหร่ที่คุณตั้งเป้าหมายใหญ่ เกินตัวไปซักหน่อย แล้วคุณโฟกัสอยู่กับมันอย่างสุดๆ คุณจะใส่พลังกับมันทั้งหมดอย่างเต็มที่ สมองทั้งหมดของคุณจะทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าอะไรก็มาหยุดคุณไม่ได้ หนำซ้ำ คุณจะได้รับความช่วยเหลือทั้งจากคนรอบข้าง และสิ่งที่คุณมองไม่เห็น อันนี้เรื่องจริง ไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่เป็นเรื่องของกฏแรงดึงดูด (The Law of Attraction) และนั้นคือโอกาสของความสำเร็จของคุณ

และข้อดีอีกข้อที่คุณต้องรู้เลยก็คือ ถ้าคุณลงมือทำแบบสุดๆ แล้ว ในวันที่คุณไม่สำเร็จเป้าหมาย คุณจะมองกลับไป แล้วเห็นว่า คุณมาไกลกว่าเดิม และไกลมากกว่าเป้าหมายเล็กๆ ของคุณด้วย

"เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ บางครั้ง มั้นไม่ได้มีไว้ เพื่อให้คุณไปถึงเพียงอย่างเดียว แต่มันมีไว้เพื่อเป็นทิศทางในการเดินไปข้างหน้า เพื่อพัฒนาตัวคุณเอง"



ติดตามต่อ ในโพสหน้าครับ


+++++++++++++++++++++++++++++++

Training in the Car สัมมนาในรถ
กับหนังสือเสียง (Audio Books)
"สำเร็จได้ แค่เป้าหมายชัด"
โดย โค้ชเจมส์ ยุทธศิลป์ ทิวะทรัพย์



สนใจสั่งซื้อหนังสือเสียง
โทร 084-086-4886 / 086-688-4747
ชำระเงินที่ กสิกร 613-2-24581-7
ชื่อบัญชี :: ยุทธศิลป์ ทิวะทรัพย์
พิเศษ ลด 10% จัดส่งฟรี
Line ID :: @coachjames

+++++++++++++++++++++++++++++++

โค้ชเจมส์ ยุทธศิลป์ ทิวะทรัพย์
https://www.facebook.com/coachjames7
Line :: @coachjames